วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

            การกระทำความผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ต้องมีบุคคลอย่างน้อยสามคนขึ้นไปรวมตัวกันโดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันกระทำความผิดร้ายแรงซึ่งหมายถึงความผิดที่กฎหมายลงโทษจำคุกขั้นสูงตั้งแต่สี่ปีขึ้นไปหรือหนักกว่านั้น เพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุ การเงิน หรือทรัพย์สิน และเป็นกระทำลงในเขตแดนของรัฐมากกว่าหนึ่งรัฐ หรือมีการกระทำในรัฐหนึ่ง แต่มีการสนับสนุน ควบคุม สั่งการจากอีกรัฐหนึ่ง หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดมากกว่าหนึ่งรัฐ หรือทำให้เกิดผลของการกระทำสำคัญขึ้นในอีกรัฐหนึ่ง และผู้กระทำความผิดเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายดำเนินงาน หรือสมคบกัน หรือรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินการกิจกรรม หรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำแล้วมีส่วนร่วมกระทำการใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรม หรือการดำเนินการ หรือจัดการ สั่งการ ช่วยเหลือ ยุยง อำนวยความสะดวกหรือให้คำปรึกษาในการกระทำผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินั้น
             ผู้กระทำความผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใดลงมือกระทำความผิดร้ายแรงตามวัตถุประสงค์นั้น ผู้ที่มีส่วนร่วมต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน ถ้าผู้ใดกระทำความผิดฐานนี้นอกราชอาณาจักร ผู้นั้นจะต้องรับโทษในราชอาณาจักร และความผิดฐานนี้เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินด้วย ซึ่งการกระทำนอกราชอาณาจักรหรือที่ให้ถือว่าได้กระทำในราชอาณาจักร ตาม ป.อ. มาตรา ๔ วรรคสอง มาตรา ๕ ถึง มาตรา ๙  อัยการสูงสุดหรือผู้รักษาการแทนเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบหรือจะมอบหมายหน้าที่นั้นให้พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับผิดชอบทำการสอบสวนแทนก็ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๐ 
                ตัวอย่างที่ ๑  คนร้ายเป็นชาวต่างชาติสองคน เข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับเครื่องปลอมบัตรเครดิต โดยมีคนร้ายอีกคนหนึ่งอยู่ต่างประเทศเป็นผู้ใช้โทรศัพท์สั่งการ ควบคุม ช่วยเหลือในการส่งข้อมูลหมายเลขรหัสบัตรเครดิตที่ได้จากการนำเครื่องสกิมเมอร์ที่นำไปลักลอบติดตั้งไว้ตามตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศ เมื่อคนร้ายที่อยู่ในประเทศไทยได้รับข้อมูลแล้ว ก็ทำบัตรปลอมขึ้นและใช้บัตรปลอมนั้นรูดซื้อสินค้าหรือถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในประเทศไทย แล้วแบ่งทรัพย์สินหรือเงินโอนกลับให้แก่คนร้ายในต่างประเทศ
               ตัวอย่างที่ ๒ กลุ่มคนร้ายชาวจีนจำนวน ๕๐ คน เดินทางมาอยู่อาศัยในบ้านหลังเดียวกันในประเทศไทย แล้วใช้การโทรศัพท์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยมีอุปกรณ์ให้แสดงหมายเลขโทรศัพท์ผิดไปจากความจริง แล้วโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายที่อยู่ในประเทศจีนให้โอนเงินเข้าบัญชีกลุ่มของคนร้าย ด้วยการแสดงตนว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำการตรวจสอบพบว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้เสียหายมีปัญหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดต้องถูกอายัดเงิน จึงมีวิธีการแก้ไขให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของรัฐเพื่อตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ผู้เสียหายหลงเชื่อ และโอนเงินเข้าบัญชีของกลุ่มคนร้ายจำนวนมาก เจ้าพนักงานตำรวจจีนจึงตรวจสอบการใช้โทรศัพท์แล้วพบว่า มีการกระทำผิดส่วนหนึ่งอยู่ในประเทศไทยดังกล่าว

พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.๒๕๕๖  

            มาตรา ๓  ในพระราชบัญญัตินี้
           “องค์กรอาชญากรรม” หมายความว่า คณะบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ที่รวมตัวกันช่วงระยะเวลาหนึ่ง และร่วมกันกระทำการใดโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระทำความผิดร้ายแรง และเพื่อได้มาซึ่งผลประโยชน์ทางการเงิน ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ทางวัตถุอย่างอื่น ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
           “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” หมายความว่า องค์กรอาชญากรรมที่มีการกระทำความผิดซึ่งมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
          (๑) ความผิดที่กระทำในเขตแดนของรัฐมากกว่าหนึ่งรัฐ
          (๒) ความผิดที่กระทำในรัฐหนึ่ง แต่การตระเตรียม การวางแผน การสั่งการ การสนับสนุน หรือการควบคุมการกระทำความผิดได้กระทำในอีกรัฐหนึ่ง
          (๓) ความผิดที่กระทำในรัฐหนึ่ง แต่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมที่มีการกระทำความผิดมากกว่าหนึ่งรัฐ
          (๔) ความผิดที่กระทำในรัฐหนึ่ง แต่ผลของการกระทำที่สำคัญเกิดขึ้นในอีกรัฐหนึ่ง
          “ความผิดร้ายแรง” หมายความว่า ความผิดอาญาที่กฎหมายกำหนดโทษจำคุกขั้นสูงตั้งแต่สี่ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น
          “พนักงานสอบสวน” หมายความว่า พนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
          “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งอัยการสูงสุด หรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งให้ช่วยเหลือพนักงานสอบสวน ในการสืบสวนสอบสวนและป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดฐาน มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม
ข้ามชาติตามพระราชบัญญัตินี้



          มาตรา ๕  ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
          (๑) เป็นสมาชิกหรือเป็นเครือข่ายดำเนินงานขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
          (๒) สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
          (๓) มีส่วนร่วมกระทำการใด ๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรมหรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรม
ข้ามชาติดังกล่าว
          (๔) จัดการ สั่งการ ช่วยเหลือ ยุยง อำนวยความสะดวก หรือให้คำปรึกษาในการกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรม หรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว     
             ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

             มาตรา ๖  ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา ๕ นอกราชอาณาจักร ผู้นั้นจะต้องรับโทษในราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
             ทั้งนี้ ให้นำมาตรา ๑๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาใช้บังคับโดยอนุโลม

             มาตรา ๗  ถ้าผู้กระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติคนหนึ่งคนใดได้ลงมือกระทำความผิดร้ายแรงตามวัตถุประสงค์ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินั้น ผู้กระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่อยู่ด้วยในขณะกระทำความผิดร้ายแรง หรือร่วมประชุมแต่ไม่ได้คัดค้านในการตกลงให้กระทำความผิดร้ายแรงนั้น รวมทั้งบรรดาหัวหน้า ผู้จัดการ และผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินั้น ต้องระวางโทษตามที่ได้บัญญัติไว้สำหรับความผิดร้ายแรงนั้นทุกคน

            มาตรา ๒๒  ให้การกระทำความผิดฐาน มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตามพระราชบัญญัตินี้  เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (คลิกดูที่นี่)

            มาตรา ๒๕  ผู้ใดกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่างหนังสือราชการ
บทความและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-  ความผิดนอกราชอาณาจักร
-  ความผิดมูลฐานการฟอกเงิน
-  รวมกฎหมายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น