คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๗๑๕/๒๕๕๒
ป.วิ.พ. มาตรา ๘๖, ๘๗
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๘
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ที่ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้และขีดฆ่าแล้ว...” ซึ่งเอกสารสัญญากู้เงินที่โจทก์อ้างส่ง มีลักษณะเป็นตราสารต้องปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องครบถ้วนตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร เมื่อเอกสารสัญญากู้เงินตามที่โจทก์อ้างมิได้ปิดอากรแสตมป์ และตามสำเนาหนังสือสัญญากู้เงิน ซึ่งตรงกับต้นฉบับ มีการปิดอากรแสตมป์เพียง ๘๐ บาท ไม่ครบถ้วนจำนวน ๒๐๐ บาท ตามกฎหมาย สัญญากู้เงินดังกล่าวจึงปิดอากรแสตมป์ไม่บริบูรณ์ ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ ประกอบกับจำเลยให้การต่อสู้ว่า หนังสือสัญญากู้เงินที่โจทก์ฟ้องเป็นเอกสารปลอม เพราะมีการกรอกข้อความลงในเอกสารดังกล่าวโดยพลการ โดยที่จำเลยไม่รู้เห็นยินยอมด้วย โจทก์จึงไม่อาจอาศัยหนังสือสัญญากู้เงินดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยรับผิดตามกฎหมายได้
ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งแม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ชัดแจ้งในคำให้การ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบมาตรา ๒๔๖
การยื่นคำร้องขออนุญาตปิดอากรแสตมป์ในหนังสือสัญญากู้เงิน โจทก์ชอบที่จะกระทำเสียก่อนหรือในขณะที่ได้นำสัญญากู้เงินมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง หรือก่อนที่ศาลชั้นต้นจะตัดสินชี้ขาดคดี การที่โจทก์เพิ่งมาร้องขอดังกล่าวหลังจากที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไปแล้ว ย่อมล่วงเลยเวลาที่จะอนุญาตให้ทำการแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๐๘๙/๒๕๕๒
ป.พ.พ. มาตรา ๕๗๒ วรรคสอง
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๘
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๒ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ว่าด้วยแบบของสัญญาเช่าซื้อได้บัญญัติไว้เพียงว่า “สัญญาเช่าซื้อนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าเป็นโมฆะ” เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า สัญญาเช่าซื้อได้ทำขึ้นโดยมีจำเลยที่ ๑ ลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้เช่า และมีผู้รับมอบอำนาจโจทก์ลงลายมือชื่อไว้ในช่องเจ้าของ ถือได้ว่าสัญญาเช่าซื้อได้ทำขึ้นเป็นหนังสือตามแบบที่บัญญัติไว้ในบทบัญญัติมาตราดังกล่าวแล้ว จึงย่อมมีผลผูกพันคู่สัญญาให้ต้องปฏิบัติตามนั้น
ส่วนการปิดอากรแสตมป์ในตราสารตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรก็เป็นเรื่องของการเรียกเก็บอากรอันเป็นอีกเรื่องหนึ่งแยกต่างหาก ทั้งการไม่ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ก็มีผลเพียงไม่อาจอ้างตราสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้เท่านั้น การที่โจทก์ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ในสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้บริบูรณ์ทันทีในขณะทำสัญญาเช่าซื้อหาเป็นเหตุให้สัญญาเช่าซื้อตกเป็นโมฆะไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๔๘๒/๒๕๕๐
ป.พ.พ. มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๗, ๑๑๘
การที่โจทก์ได้ปิดอากรแสตมป์ในสัญญากู้ยืมเงินครบถ้วนแล้ว และประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๗ ให้ถือว่าเป็นตราสารที่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ แต่การปิดแสตมป์นั้นโจทก์จะต้องกระทำก่อนหรือในขณะนำสัญญากู้ยืมเงินมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งก่อนศาลชั้นต้นตัดสินชี้ขาด
เมื่อโจทก์นำสัญญากู้ยืมเงินไปปิดอากรแสตมป์หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว สัญญากู้ยืมเงินย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้มิได้ ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ ว่า “ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีกหรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้...” ถือได้ว่า โจทก์มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง
(หมายเหตุ.- ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ บัญญัติห้ามมิให้ใช้ตราสารที่ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์เป็นพยานหลักฐานใดคดีแพ่ง ข้อเท็จจริงคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์นำสัญญากู้ยืมเงินไปปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว จึงไม่ชอบ เพราะการแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องพยานหลักฐานจะต้องกระทำก่อนหรือในขณะนำสัญญากู้ยืมเงินมานำสืบเป็นพยานหลักฐาน เมื่อนำสืบพยานหลักฐานเสร็จสิ้นจนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ย่อมไม่สามารถไปแก้ไขข้อบกพร่องของพยานหลักฐานดังกล่าวได้
(พรเพชร วิชิตชลชัย)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๗/๒๕๔๖
ป.อ. มาตรา ๕๖
ป.วิ.พ. มาตรา ๖๐
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๘
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๔
ประมวลรัษฎากรฯ มาตรา ๑๑๘ ห้ามมิให้รับฟังหนังสือมอบอำนาจที่ไม่ปิดอากรแสตมป์เป็นพยานหลักฐานเฉพาะคดีแพ่งเท่านั้น มิได้ห้ามมิให้รับฟังในคดีอาญาด้วย การที่โจทก์ทั้งสี่ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลยในคดีอาญานี้ จึงไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์แต่อย่างใด จึงรับฟังหนังสือมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานในคดีได้
มูลหนี้ตามเช็คพิพาทสืบเนื่องมาจากการซื้อขายที่ดิน ซึ่งถึงกำหนดชำระในปี ๒๕๔๐ โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยปี ๒๕๔๑ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งสี่ให้โอกาสจำเลยผ่อนชำระมาไม่น้อยกว่า ๒ ปี แต่จำเลยชำระให้เพียง ๒๕,๐๐๐ บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยชำระอีกเพียง ๕,๐๐๐ บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับมูลหนี้ตามเช็ค ๔๐๐,๐๐๐ บาท กับระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นเลื่อนคดีเพื่อให้จำเลยผ่อนชำระนับว่าเป็นจำนวนน้อยมาก แสดงว่าจำเลยมิได้ขวนขวายเต็มความสามารถ ทั้งไม่ได้แสดงความตั้งใจจะหาช่องทางชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๖๒๓/๒๕๓๗
ป.วิ.อ. มาตรา ๒ (๗), ๑๒๑ วรรคสอง, ๒๓๘
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๘
บทบัญญัติตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ นั้น ตราสารที่ปิดแสตมป์ไม่บริบูรณ์ จะใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ เฉพาะในคดีแพ่งเท่านั้น ไม่รวมถึงคดีอาญาด้วย เมื่อนาย ห. มอบอำนาจให้นาย ส. ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสอง แม้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจะปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร และนาย ส. ได้ไปร้องทุกข์ตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวก็เป็นการร้องทุกข์ที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว พนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจสอบสวน
ป.วิ.พ. มาตรา ๘๖, ๘๗
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๘
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ที่ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้และขีดฆ่าแล้ว...” ซึ่งเอกสารสัญญากู้เงินที่โจทก์อ้างส่ง มีลักษณะเป็นตราสารต้องปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องครบถ้วนตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร เมื่อเอกสารสัญญากู้เงินตามที่โจทก์อ้างมิได้ปิดอากรแสตมป์ และตามสำเนาหนังสือสัญญากู้เงิน ซึ่งตรงกับต้นฉบับ มีการปิดอากรแสตมป์เพียง ๘๐ บาท ไม่ครบถ้วนจำนวน ๒๐๐ บาท ตามกฎหมาย สัญญากู้เงินดังกล่าวจึงปิดอากรแสตมป์ไม่บริบูรณ์ ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ ประกอบกับจำเลยให้การต่อสู้ว่า หนังสือสัญญากู้เงินที่โจทก์ฟ้องเป็นเอกสารปลอม เพราะมีการกรอกข้อความลงในเอกสารดังกล่าวโดยพลการ โดยที่จำเลยไม่รู้เห็นยินยอมด้วย โจทก์จึงไม่อาจอาศัยหนังสือสัญญากู้เงินดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยรับผิดตามกฎหมายได้
ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งแม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ชัดแจ้งในคำให้การ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบมาตรา ๒๔๖
การยื่นคำร้องขออนุญาตปิดอากรแสตมป์ในหนังสือสัญญากู้เงิน โจทก์ชอบที่จะกระทำเสียก่อนหรือในขณะที่ได้นำสัญญากู้เงินมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง หรือก่อนที่ศาลชั้นต้นจะตัดสินชี้ขาดคดี การที่โจทก์เพิ่งมาร้องขอดังกล่าวหลังจากที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไปแล้ว ย่อมล่วงเลยเวลาที่จะอนุญาตให้ทำการแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๐๘๙/๒๕๕๒
ป.พ.พ. มาตรา ๕๗๒ วรรคสอง
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๘
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๒ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ว่าด้วยแบบของสัญญาเช่าซื้อได้บัญญัติไว้เพียงว่า “สัญญาเช่าซื้อนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าเป็นโมฆะ” เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า สัญญาเช่าซื้อได้ทำขึ้นโดยมีจำเลยที่ ๑ ลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้เช่า และมีผู้รับมอบอำนาจโจทก์ลงลายมือชื่อไว้ในช่องเจ้าของ ถือได้ว่าสัญญาเช่าซื้อได้ทำขึ้นเป็นหนังสือตามแบบที่บัญญัติไว้ในบทบัญญัติมาตราดังกล่าวแล้ว จึงย่อมมีผลผูกพันคู่สัญญาให้ต้องปฏิบัติตามนั้น
ส่วนการปิดอากรแสตมป์ในตราสารตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรก็เป็นเรื่องของการเรียกเก็บอากรอันเป็นอีกเรื่องหนึ่งแยกต่างหาก ทั้งการไม่ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ก็มีผลเพียงไม่อาจอ้างตราสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้เท่านั้น การที่โจทก์ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ในสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้บริบูรณ์ทันทีในขณะทำสัญญาเช่าซื้อหาเป็นเหตุให้สัญญาเช่าซื้อตกเป็นโมฆะไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๔๘๒/๒๕๕๐
ป.พ.พ. มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๗, ๑๑๘
การที่โจทก์ได้ปิดอากรแสตมป์ในสัญญากู้ยืมเงินครบถ้วนแล้ว และประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๗ ให้ถือว่าเป็นตราสารที่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ แต่การปิดแสตมป์นั้นโจทก์จะต้องกระทำก่อนหรือในขณะนำสัญญากู้ยืมเงินมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งก่อนศาลชั้นต้นตัดสินชี้ขาด
เมื่อโจทก์นำสัญญากู้ยืมเงินไปปิดอากรแสตมป์หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว สัญญากู้ยืมเงินย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้มิได้ ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ ว่า “ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีกหรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้...” ถือได้ว่า โจทก์มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง
(หมายเหตุ.- ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ บัญญัติห้ามมิให้ใช้ตราสารที่ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์เป็นพยานหลักฐานใดคดีแพ่ง ข้อเท็จจริงคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์นำสัญญากู้ยืมเงินไปปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว จึงไม่ชอบ เพราะการแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องพยานหลักฐานจะต้องกระทำก่อนหรือในขณะนำสัญญากู้ยืมเงินมานำสืบเป็นพยานหลักฐาน เมื่อนำสืบพยานหลักฐานเสร็จสิ้นจนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ย่อมไม่สามารถไปแก้ไขข้อบกพร่องของพยานหลักฐานดังกล่าวได้
(พรเพชร วิชิตชลชัย)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๗/๒๕๔๖
ป.อ. มาตรา ๕๖
ป.วิ.พ. มาตรา ๖๐
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๘
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๔
ประมวลรัษฎากรฯ มาตรา ๑๑๘ ห้ามมิให้รับฟังหนังสือมอบอำนาจที่ไม่ปิดอากรแสตมป์เป็นพยานหลักฐานเฉพาะคดีแพ่งเท่านั้น มิได้ห้ามมิให้รับฟังในคดีอาญาด้วย การที่โจทก์ทั้งสี่ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลยในคดีอาญานี้ จึงไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์แต่อย่างใด จึงรับฟังหนังสือมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานในคดีได้
มูลหนี้ตามเช็คพิพาทสืบเนื่องมาจากการซื้อขายที่ดิน ซึ่งถึงกำหนดชำระในปี ๒๕๔๐ โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยปี ๒๕๔๑ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งสี่ให้โอกาสจำเลยผ่อนชำระมาไม่น้อยกว่า ๒ ปี แต่จำเลยชำระให้เพียง ๒๕,๐๐๐ บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยชำระอีกเพียง ๕,๐๐๐ บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับมูลหนี้ตามเช็ค ๔๐๐,๐๐๐ บาท กับระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นเลื่อนคดีเพื่อให้จำเลยผ่อนชำระนับว่าเป็นจำนวนน้อยมาก แสดงว่าจำเลยมิได้ขวนขวายเต็มความสามารถ ทั้งไม่ได้แสดงความตั้งใจจะหาช่องทางชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๖๒๓/๒๕๓๗
ป.วิ.อ. มาตรา ๒ (๗), ๑๒๑ วรรคสอง, ๒๓๘
ป.รัษฎากร มาตรา ๑๑๘
บทบัญญัติตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ นั้น ตราสารที่ปิดแสตมป์ไม่บริบูรณ์ จะใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ เฉพาะในคดีแพ่งเท่านั้น ไม่รวมถึงคดีอาญาด้วย เมื่อนาย ห. มอบอำนาจให้นาย ส. ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสอง แม้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจะปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร และนาย ส. ได้ไปร้องทุกข์ตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวก็เป็นการร้องทุกข์ที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว พนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจสอบสวน
เรียนคุณ / คุณนาย
ตอบลบเงินกู้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ภายใน 2 วัน เดนนิสไมโครการเงินบมจกองทุนส่วนบุคคลและการพาณิชย์, X-Mas สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 2% rate.Interested บุคคลที่ควรติดต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อผ่านทาง e-mail ที่มีข้อมูลด้านล่าง:
ชื่อจริง: ..... นามสกุล: ...... ประเทศ: ....... หมายเลขโทรศัพท์: ..... อาชีพ: ...... AGE: ...... ....... เพศ: ...... สถานภาพ: ...... จำนวนเงินกู้ที่ต้องการ: ...... รายได้ ...... เงินกู้ระยะเวลา: ..... .Officer ชื่อ: เงินกู้การลงทุนเสนออีเมล์: josedennisonloans007@googlemail.com
ขอขอบคุณและขอพระเจ้าอวยพร
ความนับถือ,
นายโฮเซ
อรุณสวัสดิ์ทุกหนึ่ง
ตอบลบคุณยังคงให้ความสนใจในการรับเงินกู้? สมัครสำหรับขั้นตอนต่อไป เรานำเสนอทุกชนิดของเงินให้สินเชื่อที่ 2% อัตราดอกเบี้ยต่อปีจากช่วงของ 5,000 ขึ้น บุคคลใดที่สนใจควรตอบกลับมาให้เรามีดังต่อไป: อีเมล์: thomson.loanservice@gmail.com
ข้อมูลที่จำเป็น
ชื่อ:
จำนวนเงิน:
ระยะเวลา:
โทรศัพท์ #:
ประเทศ:
รอคำตอบของคุณ
ความนับถือ,
ประกาศเครดิต
บริษัท เงินทุน