ที่ อส ๐๐๐๗(พก)/ว ๑๘๖ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ
ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง
เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗
เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับสำนวนคดีอาญาตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เรียน ที่ปรึกษาสำนักงานอัยการสูงสุด รองอัยการสูงสุด ผู้ตรวจการอัยการ ที่ปรึกษาอัยการสูงสุด
อธิบดีอัยการ อธิบดีอัยการภาค อัยการพิเศษฝ่าย เลขานุการอัยการสูงสุด อัยการจังหวัด
ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการและโครงการในพระราชดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า
พัชรกิติยาภา และผู้อำนวยการสำนักงาน
สิ่งที่ส่งมาด้วย สำเนาประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑๕/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑
กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกประกาศ ฉบับที่ ๑๑๕/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นต้นไป นั้น
สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าวมีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการเกี่ยวกับสำนวนคดีอาญา ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการในการอำนวยการยุติธรรมให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและเป็นไปแนวทางเดียวกัน จึงกำหนดแนวทางให้พนักงานอัยการถือปฏิบัติเบื้องต้น ดังนี้
๑. กรณีตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ข้อ ๒ ได้ยกเลิกความในมาตรา ๑๔๒ วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยให้ใช้ข้อความดังต่อไปนี้แทน
"ในกรณีที่เสนอความเห็นควรสั่งฟ้อง ให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนพร้อมกับผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ เว้นแต่ผู้ต้องหานั้นถูกขังอยู่แล้ว หรือผู้ต้องหาซึ่งถูกแจ้งข้อหาได้หลบหนีไป"
กรณีดังกล่าวเป็นสำนวนคดีอาญาที่ปรากฎตัวผู้กระทำผิดและพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบแล้วไม่ว่ากรณีใด หากพนักงานสอบสวนไม่ได้ส่งตัวผู้ต้องหามาเนื่องจากหลบหนี หรือผู้ต้องหาถูกขังอยู่ในอำนาจศาลที่จะรับฟ้อง ให้พนักงานอัยการรับสำนวนไว้พิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป
๒. กรณีตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ข้อ ๓ ที่ให้เพิ่มมาตรา ๑๔๕/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร ให้พนักงานอัยการปฏิบัติต่อสำนวนการสอบสวนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานตำรวจ ดังนี้
๒.๑ สำนวนคดีอาญาที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ไม่อุทธรณ์ หรือไม่ฎีกา ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ให้เสนอสำนวนคดีอาญาให้ผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบพิจารณา
๒.๒ สำนวนคดีอาญาที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ไม่อุทธรณ์ หรือไม่ฎีกา ที่เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดก่อนวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และผู้ว่าราชการจังหวัดยังไม่มีความเห็น หรือมีความเห็นหลังวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้สำนักงานอัยการที่เกี่ยวข้องขอรับสำนวนคดีอาญาดังกล่าวกลับคืนมาเพื่อดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องตามมาตรา ๑๔๕/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือเป็นแนวทางปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
นายมนัส สุขสวัสดิ์
รองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทน
อัยการสูงสุด